/ บทความ / Brownout Syndrome ไม่ใช่แค่หมดไฟ แต่คือหมดใจในการทำงาน
![](https://primocare.com/wp-content/uploads/2023/10/tired-from-work-young-woman-front-laptop-1-768x512.jpg)
Brownout Syndrome คือภาวะหมดใจในการทำงานที่รุนแรงกว่า Burnout Syndrome เป็นอาการระยะยาว ที่สะสมมามาเป็นระยะเวลานาน จากประสบการณ์ในการทำงาน ที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานกับสภาพแวดล้อม ผู้คน หรือเงื่อนไขในองค์กรนั้นๆ จนเหนื่อยใจ หมดความภักดี ไม่อยากจะทุ่มเท ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของทีมอีกต่อไป และอาจนำมาสู่การลาออกในที่สุด
สาเหตุที่ทำให้คนหมดใจ
อาการหมดใจในการทำงาน หรือ Brownout Syndrome มักเกิดขึ้นกับคนที่มีความสามารถมากกว่าคนอื่น สาเหตุอาจมาจากเพื่อนร่วมงาน กฎขององค์กร การได้รับผลตอบรับไม่ดีในการทำงาน ซึ่งคนที่มีอาการ Brownout ยังสามารถทำงานได้อย่างปกติ เพียงแต่ความผูกพันธ์ของพนักงานกับองค์กรลดลง โดยมีสาเหตุดังนี้
- กฎระเบียบในองค์กรที่จุกจิก และไม่เป็นธรรม กฎที่จุกจิกและไม่มีความยืดหยุ่นจะทำให้พนักงานกดดัน และเกิดความอึดอัดใจได้ รวมถึงความไม่เป็นธรรม เช่น การยืดหยุ่นกฎระเบียบให้กับคนบางกลุ่ม ซึ่งความไม่ยุติธรรมนี้ เป็นตัวสร้างอคติและความบาดหมางในองค์กร
- ทำได้มากกว่า แต่ผลตอบแทนเสมอกัน สาเหตุหลักที่ทำให้คนเก่งๆ ทยอยออกจากองค์กร คือ การไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า สิ่งนี้จะทำให้พนักงานรู้สึกว่า จะทำดีไปทำไม หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ พนักงานที่ตั้งใจทำงานอาจเริ่มหมดใจ และเริ่มมองหาองค์กรใหม่ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงแรงมากกว่า
- หัวหน้างานเอาแต่ใจ ไม่เข้าใจความเป็นมนุษย์ ความเอาแต่ใจ ไม่เปิดรับความเห็นต่างของหัวหน้า ไม่ฟังเหตุผล ขาดความเห็นใจ ไม่ยอมรับผิด พนักงานหลายคนจึงไม่อยากรองรับอารมณ์ และพลังงานลบๆ อีกต่อไป
- เป้าหมายในการทำงานไม่ชัดเจน เมื่อไม่เห็นเป้าหมายของงานที่ทำ พนักงานหลายคนจึงเริ่มหมดใจ เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมีประโยชน์ หรือมีคุณค่ากับองค์กรมากน้อยแค่ไหน
สัญญาณเตือนภาวะหมดใจ
- อาการทางอารมณ์ : หดหู่ เศร้า อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิด ไม่พอใจในงานที่ทำ
- อาการทางความคิด : เริ่มมองงานหรือคนอื่นในแง่ร้าย ระแวงง่ายขึ้น โทษคนอื่น สงสัยความสามารถของตนเอง และอยากเลี่ยงปัญหา
- อาการทางพฤติกรรม : หุนหันพลันแล่น ผัดวันประกันพรุ่ง ทำกิจกรรมสร้างความสุขลดลง เริ่มมาทำงานสายบ่อยขึ้น บริหารจัดการเวลาแย่ลง
หากภาวะหมดไฟไม่ได้รับการจัดการ อาจส่งผลดังนี้
- ด้านร่างกาย : มีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ มีอาการออฟฟิศซินโดรม หรือไมเกรน
- ด้านจิตใจ : สูญเสียแรงจูงใจ หมดหวัง บางรายอาจมีอาการของภาวะซึมเศร้า และนอนไม่หลับ อาจมีการใช้สารเสพติดเพื่อจัดการกับอารมณ์
- การทำงาน : ขาดงานบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และคิดเรื่องลาออกในที่สุด
- เปิดใจคุย : หาโอกาสคุยกับหัวหน้างาน เกี่ยวกับเรื่องที่ทำให้เราหงุดหงิดใจ และหัวหน้าเองก็ควรมีการพูดคุยกับคนอื่นๆ เช่นกัน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงาน
- หาความช่วยเหลือ : ขอคำปรึกษากับคนรอบข้างหรือนักจิตวิทยา เพราะคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นทางออกที่ช่วยเราให้ได้เห็นมุมมองที่แตกต่างได้
- หาเป้าหมายใหม่ : การทำงานหนักเกินไป อาจทำให้เกิดการละเลยกับความต้องการของตัวเอง การจัดสรรเวลา ใส่ใจเป้าหมายของตัวเองจะช่วยสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น
- สร้างสมดุลให้กับชีวิต : ใส่ใจสุขภาพ ความสัมพันธ์ การทำงาน อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น
ภาวะหมดไฟในการทำงานไม่ใช่โรคซึมเศร้า แต่ถ้าหากคนทำงานเริ่มมีอาการเศร้าหดหู่ เบื่อหน่ายสิ่งรอบตัว รู้สึกทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิต หรือมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคซึมเศร้าแนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
Reference:
- ภาวะหมดไฟในการทำงาน (burnout syndrome)
- Brownout ไม่หมดไฟ แต่หมดใจในการใช้ชีวิต
- รู้จัจักภาวะหมดไฟและหมดใจในการทำงาน