ในยุคของการทำงานที่เร่งรีบและเน้น Productivity หลายคนคิดว่า Multi-tasking หรือการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน คือทักษะสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน
แท้จริงแล้วมีงานวิจัยออกมาว่า คนประมาณ 2.5% เท่านั้นที่สามารถทำงานแบบ Multi-tasking ได้ดี เนื่องจากสมองของคนเราถูกออกแบบมาให้โฟกัสกับการทำงานทีละอย่างเท่านั้น นอกจากนี้เวลาส่วนใหญ่ที่เราคิดว่ากำลัง Multi-tasking นั้น ความจริงก็คือการทำทีละอย่างในอัตราที่เร็วขึ้น หรือสลับทำไปทีละอย่างนั่นเอง และไม่ได้หมายความว่าจะทำงานได้มากขึ้นแต่อย่างใด
ลักษณะของการทำงานที่จดจ่อกับงานมากกว่าหนึ่งอย่างในเวลาเดียวกัน หรือการทำงานสลับไปมาระหว่างงาน 2 งานขึ้นไป ส่งผลให้เรามีสมาธิจดจ่อและมีประสิทธิภาพในการทำงานนั้นๆ น้อยลง ทั้งยังไม่สามารถรับข้อมูลต่างๆ ได้เท่าการทำงานเป็นอย่างๆ ไป ซึ่งสิ่งที่อาจตามมาก็คืออาการความจำสั้น หลงๆ ลืมๆ จำอะไรไม่ค่อยได้นั่นเอง
สมองของคนเราต้องใช้เวลาและพลังงานอย่างมากในการปรับเปลี่ยนโฟกัสทุกครั้งที่สลับไปทำงานอย่างอื่น ทำให้ Multi-tasking กินเวลามากกว่าการเลือกจดจ่อกับงานใดงานหนึ่งไปทีละอย่าง โดยมีงานวิจัยบางงานที่ชี้ว่าการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันทำให้เราทำงานได้น้อยลงถึง 40% และนี่อาจทำให้ชาว Multi-tasking หลายคนเสี่ยงเกิดความเครียดจากการต้องรับมือกับหลายงานพร้อมกัน รวมถึงความเครียดเรื้อรังสะสมจากการทำงานได้น้อยลงจนต้องชดเชยด้วยการทำงานล่วงเวลาในทุกๆ วัน
งานวิจัยชิ้นหนึ่งของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดชี้ว่าคนที่ทำงานแบบ Multi-tasking จะมีทักษะในการแยกข้อมูลที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวข้องออกจากกันได้น้อยลง ทั้งยังประสบปัญหาในการจัดระบบระเบียบความคิดหลังจากสลับไปทำงานอื่น ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ทำงานในลักษณะนี้มาเป็นเวลานาน จะมีประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงแม้เมื่อจดจ่อกับงานเพียงงานเดียวก็ตาม
การการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันอาจทำได้ในกรณีที่เป็นการจับคู่งานที่ต้องอาศัยสมาธิจดจ่อ กับงานที่เน้นใช้กำลังมากกว่า เช่น
การเลือกทำงานที่ต้องใช้ความคิดเพียงงานเดียวจะทำให้ไม่ต้องสูญเสียเวลาและพลังงานในการสร้างสมาธิจดจ่อกับงานสลับไปมา แต่หากเราเลือกทำงาน 2 อย่างที่ต่างต้องใช้สมาธิทั้งคู่ เช่น ฟังเพลงระหว่างเขียนหรือพิมพ์งาน ทำงานอื่นระหว่างฟังประชุม คุยกับเพื่อนขณะทำการบ้าน หรือคุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถ นั่นอาจทำให้เราไม่สามารถรับข้อมูลหรือจดจ่อกับงานใดงานหนึ่งได้ดีพอ และยังเสี่ยงก่อให้เกิดความผิดพลาดได้สูงอีกด้วย
สำหรับคนที่ติดการทำงานแบบ Multi-tasking คุณหมอพรีโมแคร์มีทริคง่ายๆ ในการปรับการทำงานเพื่อโฟกัสทีละอย่าง ให้คุณกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง แถมบอกลาความเครียด มาฝากกัน
เมื่อวิทยาศาสตร์บอกเราว่า Multi-tasking ไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลดีต่อการทำงานอีกต่อไป ครั้งหน้าที่ต้องเผชิญกับการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ให้ลองหยุด Multi-tasking แล้วพยายามโฟกัสงานใดงานหนึ่งไปทีละงานตามเคล็ดลับข้างต้น คุณอาจพบว่าตัวเองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เครียดน้อยลง และมีความสุขกับงานที่ทำมากกว่าเดิมก็เป็นได้
ต้องการเคล็ดลับการทำงานแบบสุขภาพดีและวิธีรับมือกับความเครียดจากการทำงาน หรือคำแนะนำเรื่องสุขภาพอื่นๆ เพิ่มเติม คลิกเลย
Doing Business with Compassion
for the Development of Civilisation in Harmony with Nature.
Part of B.Grimm Group | bgrimmgroup.com
ให้พรีโมเเคร์ เมดิคอล ดูเเลทุกองค์ประกอบสุขภาพของคุณ ทั้งด้านรักษา ป้องกัน เเละส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้คุณมีสุขภาพเเข็งเเรงเเบบยั่งยืน
1 ซอยกรุงเทพกรีฑา 4 (บี.กริม) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240 ประเทศไทย
โทร: +66 2038 5595
แฟกซ์: +66 2038 5542
LINE ID: @primocare
อีเมล: [email protected]
©2022 PrimoCare Medical Limited. All rights reserved.