/ บทความ / ความแตกต่างระหว่าง นวดจัดกระดูก และ กายภาพบำบัด
ความแตกต่างระหว่าง นวดจัดกระดูก และ กายภาพบำบัด
การนวดจัดกระดูกและกายภาพบำบัดเป็นการรักษาแบบไม่ใช้ยา และไม่มีการผ่าตัด โดยมีความแตกต่างคือการนวดจัดกระดูกหรือไคโรแพรกติก เน้นการรักษาโดยคำนึงถึงความสมดุลของกระดูกสันหลัง โดยใช้มือดัด ดึง กระแทกให้ข้อต่อต่างๆ อยู่ในตำแหน่งเหมาะสม ร่วมกับการใช้เครื่องมือช่วย ทั้งนี้การรักษาด้วยกายภาพบำบัด คือการใช้ศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพด้วยการออกกำลังกายและใช้อุปกรณ์เสริม เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยลดอาการบาดเจ็บของร่างกาย และสามารถกลับมาใช้ร่างกายให้เป็นปกติให้มากที่สุด
นวดจัดกระดูก (Chiropractic)
ไคโรแพรคติก (Chiropractic) ถือเป็นศาสตร์วิชาการแพทย์แขนงหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่ คำนึงถึงความสมดุลของกระดูกสันหลังโดยเน้นความสัมพันธ์ระหว่างสรีรวิทยาและความสมบูรณ์ของโครงสร้าง ไปจนถึงการรักษาฟื้นฟูโครงสร้างที่นำไปสู่สุขภาพที่ดีโดยรวม ส่วนที่จะได้รับการเน้นเป็นสำคัญในการทำไคโรแพรคติก หรือนวดจัดกระดูก จะเน้นการจัดกระดูกสันหลังตลอดแนว ตั้งแต่ส่วนคอลงไปถึงก้นกบ ไคโรแพรคติก ให้ความสนใจกับส่วนสำคัญของร่างกาย 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ
- กระดูกสันหลัง (Spine)
- ระบบประสาท (Nervous System)
- ลักษณะโครงสร้างของร่างกาย (Structure)
- โภชนาการด้านอาหาร วิตามิน (Nutrition)
การรักษานวดจัดกระดูก
หลักของการรักษาด้วยไคโรแพรคติกคือการจัดเรียงกระดูกให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูตนเองจากการเจ็บป่วย แนวทางการรักษานั้น แพทย์ไคโรแพรคติกจะนำเทคนิคการบำบัดข้อกระดูกและการฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่มีปัญหามาใช้ในการปรับโครงสร้างด้วยวิธีการปรับ เพื่อทำให้กระดูกสันหลังขยับได้ปกติและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องอาศัยยาและการผ่าตัด ซึ่งนับว่าเป็นวิธีการรักษาแบบ Non-Invasive โดยการนวดจัดกระดูกสามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอาการต่างๆ ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการคอเคล็ด ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง
- ผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้ออักเสบ และปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ อาทิ คอ บ่า ไหล่ หลัง และแขน
- ผู้ที่มีอาการปวดจากโรคข้อกระดูกอักเสบหรือเสื่อมสภาพ
กายภาพบำบัด (Physical Therapy)
กายภาพบำบัดคือ คือ ศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพด้วยการออกกำลังกายและใช้อุปกรณ์พิเศษ ทั้งในแง่ของการส่งเสริม, ป้องกัน, รักษา และฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย โดยใช้วิธีตามหลักวิทยาศาสตร์และการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางกายภาพบำบัดโดยมีเป้าหมายทั้งในด้านการดูแลสุขภาพร่างกาย การป้องกันภาวะโรคต่าง ๆการฟื้นฟูสุขภาพ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและการเคลื่อนไหวของร่างกาย รวมทั้งช่วยให้รู้จักวิธีป้องกันการได้รับบาดเจ็บอันเป็นสาเหตุให้ร่างกายเสื่อมสมรรถภาพในการเคลื่อนไหว
การรักษาทางกายภาพบำบัด
- การออกกำลังกาย คือกิจกรรมที่เพิ่มเติมมาจากกิจกรรมทั่วไปที่ทำในแต่ละวัน ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ความแข็งแรง ความทนทานของร่างกายและการทำงานประสานกันระหว่างระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ประกอบไปด้วย การยืดกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงร่างกาย และ ยกน้ำหนัก เป็นต้น
- การนวด คือการทำกายภาพบำบัดด้วยมือ เพื่อช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดอาการเจ็บปวด และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ร่างกาย โดยใช้วิธีการต่างๆ เช่น ขยับข้อต่อ (Mobilization) ดัดข้อต่อ (Manipulation) เป็นต้น
- การใช้เครื่องมือต่างๆ งานกายภาพบำบัดมีอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัยเพื่อช่วยในการฟื้นฟูผู้ป่วยแต่ละรายให้มีพัฒนาการของอาการที่ดีขึ้น เพื่อช่วยให้การบริการมีประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ รักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound Therapy) กระตุ้นด้วยไฟฟ้า (Electrical Stimulation) เครื่องเลเซอร์กำลังสูง (High Power Laser Therapy) เครื่องรักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shock wave Therapy)เป็นต้น
- ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายหลังได้รับบาดเจ็บ
- ผู้ที่มีอาการของโรคออฟฟิศซินโดรม
- ผู้ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อต่อได้สุดช่วงการเคลื่อนไหว เช่น ข้อไหล่ติด ข้อเข่าติด นิ้วล็อค
- ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำกิจกรรม เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา
- ผู้ที่เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เช่น ปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่ ปวดแขน ปวดหลัง ปวดสะโพก ปวดเข่า ปวดขา ปวดข้อเท้า
References
- แพทย์แผนไคโรแพรคติกและโรคออฟฟิศซินโดรม
- นวดจัดกระดูก ไคโรแพรกติก คืออะไร ปลอดภัยหรือเปล่า?
- ทำความรู้จักไคโรแพรคติก แพทย์ทางเลือกเพื่อบรรเทาอาการปวด
- กายภาพบำบัด (Physical Therapy)
- กายภาพบำบัด ช่วยฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างไร
- กายภาพบำบัด อีกหนึ่งตัวช่วยในการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน
- กายภาพบำบัดคืออะไร
- ใครบ้างที่ควรกายภาพบำบัด