/    บทความ    /    PMS อาการของผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน แก้ไขได้จากฮอร์โมน

ภาวะข้อไหล่ติดรักษาได้ด้วยกายภาพบำบัด

PMS อาการของผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน แก้ไขได้จากฮอร์โมน

 อาการของ PMS มักมีอาการเจ็บคัดตึงเต้านม ปวดท้อง ปวดศีรษะ น้ำหนักขึ้น ส่วนในทางสภาพจิตใจ มักมีอาการกระวนกระวาย อารมณ์แปรปรวน จนคนรอบข้างสังเกตเห็นได้ชัดเจน ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองหลังประจำเดือนมา 2-3 วัน แต่ในบางรายอาจจะมีอาการรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ สามารถรักษาอาการได้โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ

PMS

PMS (Premenstrual Syndrome) คือ อาการผิดปกติที่จะเกิดขึ้นก่อนมีประจำเดือนราว 1 – 2 สัปดาห์ ในเพศหญิงช่วงอายุ 20-40 ปี โดยสาเหตุของอาการนั้นมีปัจจัยสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิงในช่วงก่อนมีประจำเดือน ทั้งนี้ผู้ที่มีอาการ PMS แต่ละคนอาจพบอาการและความรุนแรงที่แตกต่างกัน โดยอาการมักดีขึ้นภายใน 4 วันหลังจากเริ่มมีประจำเดือน โดยอาการของ PMS สามารถแบ่งออกเป็นทางร่างกาย และทางสภาพจิตใจ ดังนี้

อาการทางด้านร่างกาย ได้แก่

  • เจ็บคัดตึงเต้านม
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดท้อง ท้องอืด
  • มีสิวขึ้น
  • อ่อนล้า 
  • อยากอาหารมากกว่าปกติทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

อาการทางด้านอารมณ์และพฤติกรรม ได้แก่

  • มีอารมณ์แปรปรวน โกรธง่าย หงุดหงิดง่าย
  • ไม่มีสมาธิ เครียด
  • มีอารมณ์เศร้า วิตกกังวล
  • มีพฤติกรรมแยกตัวออกจากสังคม 
  • มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ 
ทั้งนี้ความรุนแรงของ PMS สามารถเพิ่มระดับจนพัฒนาเป็น PMDD หรือ Premenstrual Dysphoric Disorder โดยจะมีความรุนแรงทางด้านอารมณ์มากกว่า PMS คือ มีอารมณ์ก้าวร้าว ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ วิตกกังวลมาก ไม่อยากทำกิจกรรมอะไร มีอารมณ์ซึมเศร้ารุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างเร่งด่วน
 
สาเหตุของ PMS
 
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของกลุ่มอาการนี้ แต่เชื่อว่าเกิดจากเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในช่วงระหว่างการตกไข่ในแต่ละรอบเดือน (ประมาณ 7-10 วันก่อนการมีประจำเดือน) แม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิด PMS ที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศและปัจจัยอื่น ๆ ดังนี้
 
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างไข่ตกในแต่ละรอบเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ โดยอาการ PMS จะหายไปในช่วงที่ไม่มีการตกไข่ เช่น ขณะตั้งครรภ์ หรือเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน 
  • การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง ได้แก่มีการเปลี่ยนแปลงของ  Serotonin GABA และ Dopamine จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการต่างๆข้างต้น ก่อนมีประจำเดือนได้
  • กรรมพันธุ์จากครอบครัว
 ปวดท้องประจำเดือน อาจไม่ใช่ PMS เสมอไป!
 
อาการปวดท้องประจำเดือน อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาวะ PMS แต่ อาจจะเป็นอาการของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หากปวดไม่มาก สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ อาจจะรับประทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการได้ แต่ถ้ามีอาการปวดมาก จนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ หรือมีอาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละเดือน ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการและสาเหตุที่ชัดเจนว่ามาจากการปวดท้องในช่วงมีประจำเดือน หรือปวดท้องจากโรคแทรกซ้อนอื่นๆ 
 
ทั้งนี้ ผู้ที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ควรมาพบแพทย์เช่นกัน เพื่อวินิจฉัยโรคแทรกซ้อนอื่นๆที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ 
 
การบรรเทาอาการ PMS
 
ในช่วงก่อนมีประจำเดือน สามารถปฏิบัติตัวเพื่อลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ด้วยตนเอง เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดังนี้
 
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีน และใยอาหาร เช่น ธัญพืชขัดสีน้อย ผัก และผลไม้ นม และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือ น้ำตาล และไขมันสูง
  • รับประทานอาหารไขมันต่ำ (Low Fat) ไฟเบอร์สูง เช่น บลูเบอรี่ มะเขือเทศ พริกหยวก เป็นต้น 
  • วางแผนการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ เมื่อมีอาการอยากกินอาหารบ่อย ให้ลองแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ วันละหลายๆ มื้อ เพื่อควบคุมน้ำหนักให้สมดุล
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ 3–5 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที เช่น เดินเร็ว ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ ซึ่งอาจช่วยบรรเทา อาการซึมเศร้าได้
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง และจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การทำสมาธิ การเล่นโยคะ การนวดผ่อนคลาย และการอ่านหนังสือ
  • หลีกเลี่ยงกาแฟ บุหรี่ สุรา หลีกเลี่ยงของหวาน อาหารเค็ม อาหารรสจัด
  • ทานอาหารเสริม เพื่อเสริมสร้างคสามแข็งแรงของร่างกาย อาทิ รับประทานวิตามินบี 6 วิตามินอี แคลเซียม และแมกนีเซียม ตามคำแนะนำของแพทย์
หากท่านมีอาการ PMS หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของโรค สามารถเข้ามารับคำแนะนำ หรือรับการรักษาโดยแพทย์ได้ที่ พรีโมแคร์ เมดิคอล คลินิก ด้วยบริการ Lifestyle Medicine ที่ให้คำแนะนำตามความต้องการของบุคคล ด้วยแพทย์จากพรีโมแคร์ที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างรอบด้าน ภายใต้การดูเเลอย่างใกล้ชิดจากบุคลากรทางการเเพทย์ของพรีโมเเคร์ สามารถสอบถามหรือนัดหมายล่วงหน้าที่นี่ 
 

Reference