/    บทความ    /    เจลล้างมือ​ สเปรย์แอลกอฮอล์ อันตรายใกล้ตัว หากใช้ไม่ถูกวิธี

เจลล้างมือ​ สเปรย์แอลกอฮอล์ อันตรายใกล้ตัว หากใช้ไม่ถูกวิธี

เจลล้างมือ​ สเปรย์แอลกอฮอล์
อันตรายใกล้ตัว หากใช้ไม่ถูกวิธี

คุณกำลังใช้เจลล้างมือผิดวิธีอยู่หรือเปล่า? ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หรือสบู่ดีกว่ากัน? ใช้อย่างไรให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด

คณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้ออกมาเตือนถึงอันตรายจากการใช้เจลล้างมือไม่ถูกวิธี หลังพบรายงานผลข้างเคียงที่คาดว่าเกิดจากการสูดดมไอระเหยของเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นเรื่อยมาตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแม้ส่วนมากจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ แต่ก็มีบางส่วนที่อาการรุนแรงจนต้องรับการรักษาจากแพทย์

ถึงจะใช้อยู่ทุกวัน แต่หลายคนอาจยังใช้ไม่ถูกวิธีและเสี่ยงอันตรายโดยไม่รู้ตัว วันนี้ พรีโมแคร์ เมดิคอล คลินิก ชวนคุณมารู้วิธีใช้เจลแอลกอฮอล์อย่างถูกต้องเพื่อประโยชน์สูงสุดจากการใช้ ตลอดจนหลักความปลอดภัยที่ควรคำนึงทุกครั้งที่ใช้เจลล้างมือหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ใดๆ ก็ตาม

ใช้เจลล้างมืออย่างไรให้มั่นใจว่าฆ่าเชื้อหมดจด 

  • เลือกใช้ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เข้มข้นอย่างน้อย 70% ตามคำแนะนำขององค์การอาหารและยาแห่งประเทศไทย
  • ถูเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ให้ทั่วสองมือ ทั้งฝ่ามือ หลังมือ ง่ามนิ้ว และข้อมือ 
  • รอ 20-30 วินาทีจนแอลกอฮอล์แห้งดีก่อนจะไปหยิบจับสิ่งต่างๆ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้มีประสิทธิภาพลดลงได้
  • เจลล้างมือไม่ได้มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคทุกชนิด จึงควรใช้เมื่อไม่สามารถล้างมือด้วยสบู่ได้เท่านั้น
  • ไม่ควรใช้เจลล้างมือขณะมือสกปรกหรือหรือมีคราบมัน เพราะจะส่งผลให้มีประสิทธิภาพลดลง และอาจไม่ช่วยกำจัดสารเคมีอันตรายที่ตกค้างอยู่ เช่น ยาฆ่าแมลง หรือสารตะกั่ว

คำเตือนในการใช้เจลล้างมือและสเปรย์แอลกอฮอล์

  • ควรใช้ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการได้รับไอระเหยของแอลกอฮอล์
  • หากใช้ในพื้นที่ปิด เช่น รถยนต์ หรือในห้อง ให้เปิดหน้าต่างระบายอากาศไว้จนกว่าตัวเจลบนมือจะแห้งหรือระเหยไปหมดแล้ว
  • เจลล้างมือบางชนิดอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตราย หรือมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ถึง 70% เพื่อความปลอดภัยควรตรวจสอบเลขรับจดแจ้งก่อนซื้อทุกครั้ง โดยตรวจได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th ใต้หัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์” หรือดาวน์โหลด Oryor Smart Application หรือโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโดยตรงที่สายด่วน อย.1556
  • เก็บเจลล้างมือ และสเปรย์แอลกอฮอล์ทุกชนิดไว้ให้ห่างจากมือเด็ก 
  • เจลล้างมือสามารถติดไฟได้เนื่องจากมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงควรเก็บให้ไกลความร้อนและเปลวไฟ และก่อนทำกิจกรรมที่ต้องสัมผัสความร้อน ประกายไฟ หรือเปลวไฟ ควรรอให้เจลแห้งดีก่อนเสมอ
  • ควรสอดส่องดูแลขณะเด็กใช้เจลล้างมือทุกครั้ง กลิ่นน้ำหอมจากเจลล้างมืออาจทำให้เด็กต้องการสูดดมหรือเผลอนำมือเข้าปากได้
  • อย่าใช้เจลล้างมือ รวมถึงชนิดสเปรย์บริเวณใกล้ดวงตา เพราะอาจทำให้มีอาการแสบหรือเป็นอันตรายต่อดวงตาได้ หากเผลอสัมผัสดวงตาให้ใช้น้ำสะอาดล้างตาทันที

นอกจากนี้ หากมีอาการข้างเคียงจากการใช้เจลล้างมือที่รุนแรง เช่น หายใจติดขัด หมดสติ หรือเผลอกลืนเจลล้างมือเข้าไป ควรโทรเรียกรถโรงพยาบาลทันที

ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ดีกว่ากัน? 

ตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) การล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาที คือวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยควรล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำ และหลังจากไอจามหรือสั่งน้ำมูก

ทั้งนี้การล้างมือด้วยสบู่ไม่ได้เป็นการฆ่าเชื้อโรค แต่เป็นการทำลายโครงสร้างของเชื้อ ทำให้เชื้อโรคไม่สามารถเกาะบนผิวหนังได้อีกต่อไป จึงช่วยลดจำนวนเชื้อโรคได้ทุกชนิด รวมถึงสารพิษและสารปนเปื้อนต่างๆ

ส่วนเจลแอลกอฮอล์นั้นมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อบนผิวหนังได้หลายชนิดหากใช้ถูกวิธี รวมทั้งเชื้อไวรัสโคโรน่า แต่จะมีประสิทธิภาพน้อยลงกับเชื้อคริปโตสปอริเดียม (Cryptosporidium) โนโรไวรัส (Norovirus) และคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล (Clostridium difficile) ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุของอาการท้องร่วงท้องเสีย 

ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ใช้เจลล้างมือได้ในกรณีที่เร่งรีบ หรือไม่สะดวกล้างมือด้วยสบู่ แต่หากมือเปื้อนคราบมัน คราบสกปรก เช่น หลังการหยิบจับอาหาร การเล่นกีฬา การตั้งแคมป์ ควรล้างด้วยน้ำสบู่ให้แน่ใจว่าสะอาด เนื่องจากมีข้อมูลการศึกษาชี้ว่าคราบมันและสิ่งสกปรกนั้นส่งผลให้ประสิทธิภาพของเจลล้างมือลดลง และอาจไม่ได้ช่วยกำจัดสารเคมีหรือสารพิษที่เป็นอันตรายให้หมดไป

อ่านเคล็ดลับดีๆ ในการดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงพร้อมรับมือโควิด-19 เพิ่มเติมได้ที่นี่ 

หากมีความกังวลเรื่องสุขภาพ สามารถนัดหมายกับทีมแพทย์พรีโมแคร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE ที่ @primoCare