/    บทความ    /    เดินเท้าเปล่า ธรรมชาติบำบัดฉบับทำเองที่บ้าน

เดินเท้าเปล่า ธรรมชาติบำบัดฉบับทำเองที่บ้าน

เดินเท้าเปล่า
ธรรมชาติบำบัดฉบับทำเองที่บ้าน

ประโยชน์ของการเดินเท้าเปล่า ธรรมชาติบำบัดที่ทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน พร้อมเคล็ดลับเดินเท้าเปล่าสำหรับมือใหม่ให้ถูกวิธีและปลอดภัย

การปล่อยให้เด็กๆ ได้เดินเท้าเปล่าในบ้านเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะจะช่วยเพิ่มการทรงตัว เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ รวมถึงพัฒนาการรูปเท้าและท่าทางการเดินที่ดี แต่รู้หรือไม่ว่าแม้แต่ในผู้ใหญ่ การเดินเท้าเปล่าก็มีประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน 

วันนี้คุณหมอพรีโมแคร์พามาทำความรู้จักกับการเดินเท้าเปล่า อีกหนึ่งวิธีธรรมชาติบำบัดฉบับทำเองที่บ้าน ที่แค่ขยับตัวลุกขึ้นมาก็ทำได้ในทันที 

ประโยชน์ของการเดินเท้าเปล่า

การเดินที่เป็นธรรมชาติที่สุดของมนุษย์คือการเดินโดยไม่ต้องสวมใส่รองเท้าหรือถุงเท้า การเดินเท้าเปล่าจึงเท่ากับเป็นการฟื้นฟูลักษณะการเดินอย่างที่ควรเป็น กระตุ้นให้เราได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วน ทำให้เดินได้อย่างแข็งแรงและมั่นคงมากขึ้น ต่างจากการใส่รองเท้าที่แม้จะมีแผ่นรองเท้าเพิ่มความนุ่มสบายในการเดิน แต่อาจขาดการใช้งานกล้ามเนื้อบางส่วนไป

ประโยชน์อื่นๆ ของการเดินเท้าเปล่า

  • สามารถควบคุมท่าทางและตำแหน่งของเท้าขณะเดินได้ดีขึ้น 
  • เพิ่มการทรงตัว การรับรู้ถึงตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ทำให้เดินได้อย่างคล่องตัวและลดความเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บ
  • เพิ่มกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรงและรองรับน้ำหนักจากหลังส่วนล่างได้มากขึ้น
  • ช่วยปรับกลไกการเคลื่อนไหวของเท้าให้สอดคล้องกับร่างกายส่วนอื่นๆ เช่น ลำตัว สะโพก และเข่าทั้ง 2 ข้าง
  • ปลดปล่อยเท้าจากการถูกบีบรัดในลักษณะเดิมตลอดเวลา ซึ่งเสี่ยงนำไปสู่ภาวะความผิดปกติของเท้า เช่น ภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง หรือนิ้วเท้าหงิกงอผิดปกติ

เคล็ดลับเดินเท้าเปล่าถูกวิธี เพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพ

หากไม่ค่อยได้เดินเท้าเปล่ามาก่อน อันดับแรกควรเริ่มต้นสร้างความคุ้นชินด้วยการเดินในระยะสั้นๆ ประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้เท้าและข้อเท้าค่อยๆ ปรับตัว ก่อนจะเพิ่มเวลาในการเดินให้มากขึ้นทีละน้อยในครั้งถัดไป และทางที่ดีอย่าฝืน ควรหยุดพักเมื่อรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายเท้า 

สำหรับมือใหม่ที่สนใจธรรมชาติบำบัดด้วยการเดินเท้าเปล่า สามารถทำตามคำแนะนำต่อไปนี้ได้เลย

  • ฝึกทรงตัวเพิ่มความแข็งแรง คนที่ไม่ค่อยได้เดินเท้าเปล่าอาจรู้สึกเจ็บ ไม่สบายเท้า หรือไม่ชินในระยะแรก การฝึกยืนขาเดียวบนพื้นหรือยืนเขย่งเท้าขึ้นลงช้าๆ อาจช่วยได้
  • เริ่มจากการเดินในบ้าน ในช่วงแรกควรเริ่มจากการเดินภายในบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยจากเศษของมีคมหรือสิ่งสกปรก และเลี่ยงพื้นบริเวณที่เสี่ยงต่อการลื่นล้ม
  • เดินบนพื้นผิวที่ปลอดภัย เมื่อเคยชินกับการเดินในบ้านแล้ว เราก็พร้อมที่จะออกสัมผัสพื้นนอกบ้าน แต่ก็ยังคงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย แนะนำให้เดินบนหญ้า หาดทราย หรือพื้นสนามที่เป็นยาง และลงน้ำหนักอย่างใจเย็นเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการเหยียบสิ่งของที่อาจมองไม่เห็น
  • หากิจกรรมที่ทำได้โดยไม่ใส่รองเท้า การใช้ชีวิตแบบเท้าเปล่าตามหลักธรรมชาติบำบัดไม่จำเป็นต้องหมายถึงการเดินเสมอไป เราสามารถใช้ประโยชน์จากกิจกรรมอื่น เช่น การเล่นโยคะ การฝึกศิลปะป้องกันตัว หรือการออกกำลังกายแบบพิลาทิส เพื่อถือโอกาสผ่อนคลายเท้าไปในขณะเดียวกันได้
  • เลี่ยงกิจกรรมอันตรายและหมั่นตรวจดูสภาพเท้า ไม่ควรวิ่งปีนป่ายหรือทำกิจกรรมผาดโผนโดยไม่ใส่รองเท้าจนกว่าจะใช้ชีวิตด้วยเท้าเปล่าจนคุ้นชินมากพอ และควรสำรวจดูบริเวณฝ่าเท้าเสมอว่ามีรอยแผลหรือการบาดเจ็บที่เกิดจากการเดินเหยียบสิ่งของตามพื้นหรือไม่

ทั้งนี้ หากรู้สึกเจ็บบริเวณส้นเท้าหลังจากการเดินเท้าเปล่า หรือมีอาการเจ็บขณะเดิน ก็อาจต้องกลับไปใส่รองเท้าที่รองรับการเดินได้ดีกว่า แล้วค่อยกลับมาฝึกเดินอย่างค่อยเป็นค่อยไปอีกครั้ง

อันตรายจากการเดินเท้าเปล่า

การเดินเท้าเปล่านอกบ้านนั้นมีประโยชน์ในการให้เท้าได้สัมผัสธรรมชาติ แต่อาจเสี่ยงอันตรายได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่ใส่รองเท้ามาตลอด ซึ่งมักจะไม่เคยชินกับพื้นผิวที่ขรุขระ ส่งผลต่อท่าทางการเดินที่ไม่คล่องตัวและเสี่ยงเกิดการบาดเจ็บ 

นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังสภาพพื้นที่ไม่เป็นใจ โดยเฉพาะมือใหม่ที่ควรหลีกเลี่ยงพื้นผิวที่ขรุขระ เปียกชื้น หรือร้อนเกินไป รวมถึงคอยสังเกตและหลีกเลี่ยงเศษแก้วหรือสิ่งของแหลมคมที่อาจปะปนอยู่ตามพื้น

สำหรับคนที่มีแผลหรือรอยขีดข่วนตามฝ่าเท้าไม่ควรเดินเท้าเปล่านอกบ้านจนกว่าจะหายดีเพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อโรค รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเท้าและผู้ป่วยโรคเบาหวานที่จะต้องระวังเป็นพิเศษ และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เผื่อกรณีมีอาการปลายประสาทอักเสบ ซึ่งอาจทำให้ไม่รู้ตัวเมื่อได้รับบาดเจ็บหรือมีบาดแผลบริเวณฝ่าเท้า

การเดินเท้าเปล่าถือเป็นวิธีการบำบัดด้วยธรรมชาติที่มีประโยชน์และทำได้ง่ายๆ ทั้งยังเพิ่มการขยับเคลื่อนไหวร่างกายไปในตัว อย่างไรก็ตาม ต้องอย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญด้วย และไม่ควรหักโหมเดินเกินพอดีตั้งแต่ในครั้งแรกๆ 

ส่วนใครที่ฝึกเดินเท้าเปล่าแล้วเจ็บเท้า มีอาการปวดเมื่อยผิดปกติ หรือมีปัญหาฝ่าเท้าแบน ก็สามารถให้นักกายภาพบำบัดและทีมแพทย์พรีโมแคร์ช่วยแนะนำท่าทางที่ถูกต้องและรับการรักษาอย่างตรงจุด แอดไลน์ @primoCare หรือคลิกดูบริการของเราที่นี่